การคัดกรองประวัติพนักงานเพื่อการจ้างงาน

การคัดกรองประวัติพนักงานเพื่อการจ้างงาน

« หลีกเลี่ยงการจ้างพนักงานที่ไม่ดี: ส่งเสริมความซื่อสัตย์ที่ประตูหน้า »

แผนกทรัพยากรบุคคลของบริษัทของคุณจะประเมินความซื่อสัตย์ของผู้สมัคร ในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย ในการตรวจสอบข้อมูลของผู้สมัคร ทีมคัดกรองของเราจะประเมินความถูกต้องของข้อมูลที่ให้ไว้ในประวัติย่อและเอกสารประกอบอื่นๆ โดยดำเนินการตรวจสอบประวัติ ความพยายามที่จะให้ข้อมูลเท็จ เช่น ประกาศนียบัตรปลอมหรือบันทึกการจ้างงานที่เป็นเท็จไม่อาจผ่านได้ นอกจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ผู้คัดกรองของเรายังสอบถามเกี่ยวกับชื่อเสียงและประสิทธิภาพอีกด้วย

การตรวจสอบวุฒิการศึกษา เพื่อยืนยันว่าผู้สมัครได้ศึกษาและสำเร็จการศึกษาจริงตามที่ให้ข้อมูลไว้หรือไม่;
ตรวจสอบคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อตรวจสอบว่าใบรับรองวิชาชีพเป็นของแท้หรือไม่;
ตรวจสอบประวัติการทำงานเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง, วันที่จ้างงาน, ชื่อเสียง, ผลงาน, และเหตุผลในการออก;
การตรวจสอบบุคคลอ้างอิงโดยอดีตหัวหน้างานได้รับการติดต่อเพื่อยืนยันชื่อเสียงและผลงานที่ผ่านมา;
ตรวจสอบการล้มละลายเพื่อตรวจสอบว่าผู้สมัครมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีล้มละลายหรือไม่;
การฟ้องร้องคดีแพ่งและคดีอาญาเพื่อตรวจสอบว่าผู้สมัครมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความหรือไม่;
การค้นหาตำแหน่งกรรมการแบบย้อนกลับ มุ่งระบุบุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในบริษัทเอกชนในฐานะกรรมการหรือผู้ถือหุ้น;
การตรวจสอบที่อยู่ปัจจุบัน;
การตรวจสอบรายละเอียดการติดต่อและรายละเอียดการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน;
การตรวจสอบสื่อ ซึ่งรวมถึงการค้นหาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์เพื่อตรวจสอบว่าเคยมีการรายงานข้อมูลที่เป็นอันตรายหรือไม่;
การตรวจสอบ Group Sanctions เป็นชุดการตรวจสอบผ่านฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อพิจารณาว่าผู้สมัครอยู่ในรายชื่อที่ต้องการหรืออยู่ภายใต้การคว่ำบาตรระหว่างประเทศ มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย การฟอกเงิน หรืออาชญากรรมอื่นๆ

แพลตฟอร์ม PRISMA

การค้นหาบุคคล รวมรวบข้อมูลอย่างระมัดระวัง จากแหล่งข้อมูลหลายแหล่งที่มีความแม่นยำ เชื่อถือได้

PRISMA ได้รับการพัฒนาโดย Integrity เป็นแอปพลิเคชันการคัดกรองก่อนการจ้างงานซึ่งจัดระบบการจัดการกระบวนการคัดกรอง อำนวยความสะดวกแก่ฝ่ายบริหารในการกำกับดูแลคำขอการคัดกรองแบบเรียลไทม์ ปรับปรุงกระบวนการเพื่อลดเวลา, ตอบสนองการสร้างรายงานอัตโนมัติ, และเก็บรายงาน

นี่คือระบบบนอินเทอร์เน็ตที่สามารถเข้าถึงได้จากคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์มือถือที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ในโลกตลอดเวลา

อินเทอร์เฟซเป็นมิตรกับผู้ใช้และให้กระบวนการคัดกรองคุณภาพสูงที่ปลอดภัยและรวดเร็วในขณะที่หลีกเลี่ยงการไหลของอีเมล์

PRISMAPRISMA ได้รับการออกแบบด้วยคุณสมบัติที่ทันสมัยดังต่อไปนี้:

Applicant Portal

ผู้สมัครสามารถกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ได้ด้วยตนเอง

Screening On-The-Go

สามารถติดตามความคืบหน้าการคัดกรองได้แบบเรียลไทม์.

การจัดการระดับการเข้าถึง

ระดับการเข้าถึงของผู้ใช้และการจำกัดข้อมูลสามารถควบคุมและจัดการได้โดยให้ผู้ใช้เข้าถึงมุมมองการรายงานที่แตกต่างกัน

ส่งออเดอร์หลายๆออเดอร์ได้ในครั้งเดียว

ใช้เวลาน้อยลงในการส่งออเดอร์คัดกรองผู้สมัครพร้อมกันหลายสิบคน

หลายหน่วยงาน

บัญชีผู้ใช้หนึ่งบัญชีสามารถดำเนินการส่งออเดอร์ตรวจคัดกรองสำหรับผู้สมัครที่สมัครในนามนิติบุคคลที่แตกต่างกันได้

Live Chat กับทีมพนักงานของเรา

ทีมพนักงานของเราพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาทำงาน

การคัดกรองของเราดำเนินการผ่าน Prisma ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการคัดกรองที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา ซึ่งสามารถรวมเข้ากับระบบข้อมูลทรัพยากรบุคคลของลูกค้าของเราได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Articles

การป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อบริษัทจากพนักงานที่มีสถานภาพทางการเมือง

บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (Politically Exposed Person หรือ PEP) หมายถึง ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายบริหาร (ฝ่ายปกครอง) ตลอดจนสมาชิกพรรคการเมือง บุคคลดังกล่าวมีอิทธิพลด้านนโยบายและการดำเนินงานของพรรคการเมือง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงทางกฎหมายหรือชื่อเสียงแก่บริษัท รวมถึงโทษทางอาญาและความเสียหายต่อแบรนด์เนื่องจากการเอื้อผลประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้องที่อาจเกิดขึ้น เช่น การทุจริตคอร์รัปชัน การฟอกเงิน หรือการติดสินบน เป็นต้น ความสำคัญของการตรวจสอบบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEP) การตรวจสอบบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEP) มีความสำคัญต่อหน่วยงานหรือองค์กรที่ยึดมั่นในความโปร่งใสและจริยธรรมด้านการดำเนินธุรกิจ โดยการตรวจสอบดังกล่าวเป็นการส่งเสริมความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อธุรกิจ แม้ว่าการที่นักการเมืองบริหารงานในองค์กรเอกชนจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ที่อินโดนีเซียมีระเบียบ Peraturan Otoritas Jasa Keuangan Nomor 12 /POJK.01/2017 จัดทำโดย OJK (Financial Services Agency) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEP) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงิน การตรวจสอบบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองสามารถตรวจสอบได้ทั้งผู้สมัครงานและพนักงานปัจจุบันของบริษัท โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานให้กับหน่วยงานหรือองค์กรที่มีความเสี่ยงสูงหรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering หรือ AML) เช่น ธนาคารพาณิชย์ ใครควรดำเนินการตรวจสอบบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEP) ในการตรวจสอบบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEP) มีความเป็นไปได้จะมีสรุปเป็น ผลลัพธ์ผลบวกปลอม...

Articles

หนึ่งในปัญหาสำคัญของระบบแจ้งเบาะแสที่อาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรง

ระบบการแจ้งเบาะแสได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถใช้ในการตรวจพบการฉ้อโกง ไม่ว่าจะเป็น การประพฤติมิชอบ การทุจริต การสินบน และพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณอื่น ๆ ทั้งในหน่วยงานรัฐและเอกชนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม หน่อยงานหรือองค์กรไม่ได้รับรายงายการฉ้อโกงเนื่องจากความท้าทายและอุปสรรคต่าง ๆ ในกระบวนการการแจ้งเบาะแสแม้ว่าจะมีการคุ้มครองตัวตนของผู้แจ้งเบาะแสก็ตาม    มีงานวิจัยในหัวข้อ "In a Breaking the Silence: The Efficacy of Whistleblowing in Improving Transparency" โดย นาย Rehg และคณะ พบว่า อุปสรรคสำคัญคือ การขาดการสนับสนุนเมื่อมีการแจ้งเบาะแสการทุจริตฉ้อโกงจากหน่วยงานหรือองค์กร ระบบแจ้งเบาะแสจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้องค์กรหรือหน่วยงานที่มีวัฒนธรรมแบบเปิด (open culture) ยึดหลักจรรยาบรรณ และการส่งเสริมให้พนักงานรายงานหรือแจ้งเหตุเมื่อพบเห็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่มีเพียงบริษัทไม่กี่รายเท่านั้นที่ผลักดันระบบแจ้งเบาะแสดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จ   ระบบแจ้งเบาะแสในฐานะตัวชี้วัด กรณีตัวอย่างที่น่าสนใจจาก บริษัท Jiwasraya ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีระบบการแจ้งเบาะแสทุจริตฉ้อโกง แต่กลับไม่มีพนักงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องรายงานเบาะแสทุจริตฉ้อโกงที่เกิดขึ้นภายในองค์กร ส่งผลให้บริษัทสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยข้อผิดพลาดของระบบการแจ้งเบาะแสของบริษัท Jiwasraya เกิดจากการขาดการสนับสนุนเมื่อได้รับการแจ้งเบาะแส การขาดการสนับสนุนหลังได้รับการแจ้งเบาะแสนี้เองที่ส่งผลให้ผู้ที่แจ้งเบาะแสรู้สึกว่าตัวเองถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ งานวิจัยที่มีชื่อว่า “Whistleblowing and Anti-Corruption...

Articles

ความเข้าใจและการคาดการณ์ความเสี่ยงจากการแจ้งเบาะแสการกระทำผิด

ตามรายงานของ ACFE ในไตรมาส 4 ของปี 2022 พบว่า ระบบการแจ้งการกระทำผิด สามารถตรวจจับกรณีตัวอย่างการทุจริตและประพฤติมิชอบสูงถึงร้อยละ 42 และได้รับการตรวจพบอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยงานวิจัยดังกล่าวยังพบว่า ระบบการตรวจสอบดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องมือตรวจสอบอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของระบบขึ้นอยู่กับนโยบายขององค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนบุคลากรในการรายงานหรือตั้งประเด็น ตลอดจนการให้ความคุ้มครองแก่ผู้รายงานการกระทำผิดด้วย   การเป็นผู้รายงานการกระทำผิดไม่ใช่เรื่องง่าย  สิ่งหนึ่งที่หลายฝ่ายมีความเห็นเดียวกันคือการเป็นผู้รายงานการกระทำผิดไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การข่มขู่ การถูกไล่ออกจากงาน ตลอดจนความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับตัวผู้รายงาน หนึ่งในกรณีศึกษามาจากบริษัท Slync บริษัทมีการไล่พนักงานหลายสิบคนหลังจากพนักงานรายงานการทุจริตฉ้อโกงภายในบริษัท ซึ่งผู้ยักยอกเงินดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น CEO ของบริษัท จากการรายงานของสื่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (SEC) พบว่า อดีตผู้บริหารบริษัทSlync อย่าง Christopher S. Kirchner ถูกกล่าวหาว่าได้ทำการยักยอกเงินจากบริษัทกว่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเงินลงทุน เพื่อตอบสนองวิธีชีวิตที่หรูหราของตน เช่น การซื้อเครื่องบินส่วนตัว เช่าอสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ การรายงานยังพบว่า นาย Christopher ยังได้นำเงินจากบัญชีธนาคารของบริษัท มาใช้การส่วนตัวอีกด้วย โดยนาย...